โนอาห์สร้างเรือใหญ่

                1. อาดัมกับเอวา  ต่างมีอายุยืนนานหลายร้อยปี  เกิดลูกหลานชายและหญิงเป็นอันมาก  ได้เห็นลูกของลูก ๆ ของหลานของเหลนหลายชั่วอายุคน  มนุษย์เพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกที  เมื่ออาดัมกับเอวาตายแล้วมนุษย์กลายเป็นคนชั่วช้าลามกทั้งชาติ  ในที่สุดเหลือครอบครัวเดียวเท่านั้น ที่ซื่อสัตย์พระผู้เป็นเจ้า  คือ ครอบครัวของมหาบุรุษโนอาห์

                2. พระผู้เป็นเจ้าทรงมีพระประสงค์จะทำลายคนชั่วทั้งหลายจึงสั่งโนอาห์ให้สร้างเรือใหญ่มหึมา พอบรรจุครอบครัวของโนอาห์และสัตว์ต่าง ๆ  อย่างละหนึ่งคู่  กับอาหารสำหรับเลี้ยงคนและสัตว์ด้วย  โนอาห์สร้างเรือลำนี้กินเวลาร้อยปี  และตลอดเวลานั้นท่านชักชวนคนทั้งหลายให้ละชั่วทำดี  แต่ไม่มีใครเชื่อ

                3. อยู่มา พระผู้เป็นเจ้า ตรัสแก่โนอาห์ว่า “จงเข้าไปในเรือ   เราจะให้ฝนตกมา 40 วัน 40 คืน” โนอาห์เข้าไปในเรือพร้อมกับบุตรภรรยาและลูกสะใภ้   แล้วฝนจึงเริ่มตกลงมาระดับน้ำสูงขึ้นทุกที   เรือของโนอาห์ลอยลำอยู่บนพื้นน้ำ   แต่บรรดาคนและสัตว์ที่อยู่นอกเรือต้องจมน้ำตายจนหมดสิ้น

                4. น้ำเจิ่งนองอยู่บนพื้นดินตลอดเวลา  150 วัน  แล้วจึงลดลงทีละเล็กละน้อย   จนเรือเกยอยู่บนภูเขาแห่งหนึ่ง

                โนอาห์ได้ลงปล่อยนกพิราบตัวหนึ่งบินไปแต่เนื่องด้วยมันยังไม่มีที่เกาะ  มันจึงบินกลับคืนสู่เรือ  ถัดมาอีกไม่กี่วัน  ก็ได้ปล่อยนกกาตัวหนึ่งบินไปและมันไม่กลับ   แล้วจึงปล่อยนกพิราบอีกตัวหนึ่งซึ่งไม่กลับคืนเรือนด้วยเช่นกัน   ก็เป็นที่สำคัญว่าน้ำได้ลดลงแล้ว  โนอาห์จึงออกจากเรือ  และถวายเครื่องบูชาโมทนาพระคุณพระผู้เป็นเจ้า   ครั้งนั้นพระผู้เป็นเจ้าได้ทรงบันดาลให้มีรุ้งขึ้นในท้องฟ้า  เป็นสัญลักษณ์แห่งสัมพันธไมตรีของพระเจ้าต่อมนุษย์และพระองค์ตรัสสัญญาว่าจะไม่ทรงทำลายมนุษยชาติด้วยน้ำวินาศในทำนองนั้นอีกต่อไป

ตระกูลของโนอาห์

                1. ในอาห์ทำสวนองุ่น  วันหนึ่งโนอาห์เผลอตัวกินเหล้าองุ่นมากเกินไปจนเมา  คำผู้บุตรของโนอาห์เมื่อแลเห็นบิดานอนเมาอยู่เช่นนั้น  ได้บังเกิดจิตทราม  หัวเราะเยาะเย้ยบิดา และได้ไปเรียกแซมกับยาเฟ็ทผู้พี่สองคนมาดูเล่นด้วย  แต่แซม กับยาเฟ็ทมีความเคารพต่อบิดาบังเกิดเกล้า จึงไปเอาผ้ามาปกปิดร่างกายของบิดาเสีย

                เมื่อโนอาห์ตื่นนอนแล้ว  และทราบถึงกิริยาทรามของคำ  จึงได้สาปแช่งลูกหลานของคำ   ให้เป็นชาติที่ด้อยกว่าของพวกพี่และให้เป็นผู้รับใช้ตระกูลของพี่ชาย  ซึ่งได้แก่ชนชาติแอฟริกัน

                2. ตระกูลของโนอาห์  มีลูกหลานเกิดทวีขึ้นเป็นอันมากจนอยู่รวมกันไม่ได้เสียแล้ว   เขาจึงตกลงจะแบ่งแผ่นดินออกไปทำมาหากิน คนละทิศคนละทาง  ก่อนที่จะแยกจากกันไปนั้น  เขาได้ลงมือสร้างหอสูงถึงท้องผ้าเพื่อเป็นอนุสาวรีย์  หมายให้บรรดาคนทั้งหลายได้ชมเชยความสามารถของตน

                แต่ว่า  เมื่อเขากำลังก่อสร้างอนุสาวรีย์นั้น  พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงพอพระทัยในความมักใหญ่ใฝ่สูงของมนุษย์   จึงทรงบันดาลให้เขาพูดภาษาต่าง ๆ  จนไม่สามารถเข้าใจกัน  เขาจึงต่างได้แยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทางตามภาษาของตน  และทิ้งการสร้างหอนั้นเสีย  เนื่องด้วยไม่สามารถสร้างหอได้สำเร็จ  หอนั้นจึงได้ชื่อว่า  “หออาเบล”  คือ  หอแห่งความวุ่นวาย  ตระกูลของ  ยาเฟ็ทเคลื่อนไหวเดินทางไปยุโรป   ตระกูลของแซม   คงยึดแผ่นดินเอเชีย   และตระกูลของคำ   เดินทางไปยังทวีปแอฟริกา

                3. มนุษย์ชาติกระจัดกระจายไปตั้งภูมิลำเนา   อยู่ทุกทิศทุกทาง   ดังนั้น   บางคนก็ถือซื่อสัตย์ต่อพระผู้เป็นเจ้า  แต่คนส่วนมากพากันหลงใหลใหญ่หลวง  แทนที่จะนับถือพระผู้เป็นเจ้าเที่ยงแท้   กลับนับถือ ดิน  น้ำ  ลม  ไฟ  และสัตว์เดรฉาน   ตลอดจนเทวรูปต่าง ๆ  พระผู้ศักดิ์สิทธิ์

 

มหาบุรุษอับราฮัม

                1. เวลานั้นที่ประเทศคัลเดียใกล้ประเทศอินเดีย  มีบุรุษซื่อสัตย์ต่อพระผู้เป็นเจ้าผู้หนึ่ง  คือ  อับราฮัม พระผู้เป็นเจ้าตรัสสัญญากับท่านผู้นี้ว่า พระองค์จะทรงยกประเทศคะนาอัน  คือ  ประเทศปาเลสไตน์ให้แก่ลูกหลานของท่าน  กับตรัสสัญญาด้วยว่าพระมหาไถ่ที่จะต้องเกิดมากู้มนุษยชาตินั้น  ก็จะเกิดในตระกูลของท่านด้วย

                2. เพื่อเป็นเครื่องหมายของชาติใหม่นั้น  พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งให้เด็กชายที่เกิดมาในตระกูลของท่านอับราฮัมนี้รับศีลตัดสิ้นทุกคน  คือ   ในวันที่แปดที่เด็กชายเกิดมา  บิดาของเด็กต้องทำพิธีศีลตัสให้แก่บุตร เพื่อเป็นเครื่องหมายว่า   เป็นคนในชาติที่พระมหาไถ่จะทรงบังเกิดมา

                3. อับราฮัม  มีภรรยาชื่อ  สะระ   ซึ่งบังเกิดบุตรชายคนหนึ่งชื่อ  อิสอัค  และโดยพระทำนาย  ไว้ว่าอิสอัคจะได้เป็นบรรพบุรุษของพระมหาไถ่ด้วย

 

ห้าหัวเมืองชั่วชาติ

                1. มหาบุรุษอับราฮัม   มีหลานชายคนหนึ่งชื่อโลท  อยู่มาวันหนึ่ง   กษัตริย์ห้าองค์  ได้ร่วมกันมาปล้นประชาชนในบริเวณที่อยู่ของโลท  โดยริบข้าวของและพลเมืองไปเป็นจำนวนมาก   รวมทั้งโลทและบุตรภรรยาด้วย  เมื่อมหาบุรุษอับราฮัมทราบข่าวนี้   จึงรวบรวมผู้คน  300  กว่าคน  พร้อมด้วยอาวุธ   รุกเข้าไปในค่ายของกษัตริย์ทั้งห้าองค์นี้ในเวลากลางคืน   กษัตริย์ทั้งห้าพร้อมด้วยผู้คนถูกบุกโดยมิทันรู้ตัว จึงต้องพ่ายแพ้หนีไป   และมหาบุรุษอับราฮัมได้ข้าวของตลอดทั้งคนกลับคืนหมด  รวมทั้งโลท  ผู้หลานชายด้วย

                2. ขณะนั้นมิบุรุษคนหนึ่งชื่อ  เมลคีเซเดคเป็นพระสงฆ์ของพระผู้เป็นเจ้า  ออกมาต้องรับอับราฮัมด้วยความปิติยินดี  ท่านตั้งพระแท่นและถวายเครื่องบูชาต่อพระผู้เป็นเจ้า   มีขนมปังและน้ำองุ่น  ท่านมหาบุรุษผู้นี้เป็นพระฉายาของพระเยซูคริสเจ้าผู้ทรงถวายขนมปังและน้ำองุ่นนั้น  ให้เป็นพระโลหิตและพระกายของพระองค์

                3. คนใช้ของอับราฮัมและคนใช้ของโลท   ผู้หลานชายชอบทะเลาะกันบ่อย ๆ  จึงเรียกหลานชายของตนมาและให้เขาเลือกที่ตามชอบใจ   ใครเลือกทิศไหนก็ให้ไปคนละทิศ  เพื่อมิให้คนใช้มีเรื่องทะเลาะกัน

                4. โลท   ได้เลือกทิศตะวันออก   เพราะเป็นที่อุดมสมบูรณ์กว่าในทิศนี้มีเมืองใหญ่อยู่ห้าเมือง  โสโดมและโกโมราห์เป็นชื่อเมืองสองเมืองในห้าเมืองเหล่านี้  ที่มีพลเมืองเป็นคนชั่วอุลามกมาก   พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงตั้งพระทัยที่จะทำลายห้าเมืองเหล่านั้นเสียให้สิ้นเชิง

                5. มหาบุราอับราฮัม  ได้วอนขอต่อพระผู้เป็นเจ้า  ให้ทรงพระกรุณาแก่คนดีซึ่งปนอยู่กับคนชั่ว   พระผู้เป็นเจ้าทรงรับว่า  หากว่าหาคนดีได้สักสิบคน  พระองค์จะยกโทษให้แต่ว่าหาไม่ได้ถึงสิบคนจึงตกลงพระทัยที่จะลงโทษตามที่พระองค์ตรัสไว้

                6. คนดี  มีแต่ครอบครัวของโลท   คือสามีภรรยาและลูกสาวสองคน   รวมสี่คนเท่านั้นวันหนึ่ง  พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้เทวดาไปสั่งให้โลทภรรยาและลูกสาวทั้งสอง  จัดแจงออกจากเมืองเสียและทรงกำชับมิให้เหลียวหลังในขณะที่กำลังเดินไป

                7. ขณะที่เขากำลังเดินทางหนีพระผู้เป็นเจ้าทรงบันดาลให้มีไฟกำมะถันตกลงมาจากฟ้า เผาเมืองทั้งห้านี้จนกลายเป็นทะเลซึ่งมีน้ำเหม็นด้วยกำมะถันส่งกลิ่นอยู่จนทุกวันนี้  และถูกเรียกว่า  “ทะเลตาย”

            ขณะที่ครอบครัวของโลทกำลังเดินทาง   และได้ยินเสียงไฟตกจากฟ้า   ภรรยาของโลทเกิดอยากดูอยากเห็น  จึงเหลียวหลังไปดู  อันเป็นการผิดต่อคำสั่งของเทวดา   จึงถูกลงโทษให้กลับกลายเป็นเกลือไปทั้งตัวทันที

 

พระผู้เป็นเจ้าทรงทดลองใจอับราฮัม

                1. วันหนึ่งพระผู้เป็นเจ้าจะทรงทดลองใจอับราฮัมโดยทรงรับสั่งให้ท่านนำ  อิสอัคลูกชายที่รักไปถวายเป็นเครื่องบูชาบนภูเขา  โมริยาห์  อับราฮัมไม่มีรอเลย  เพราะรู้อยู่ว่า  พระผู้เป็นเจ้าคือ  เจ้าของชีวิตมนุษย์ทั้งหลาย  จึงออกเดินทางไปพร้อมกับอิสอัคและบ่าวสองคน   ตรงไปบนภูเขา  โมริยาห์  เพื่อบูชาลูกของตนแด่พระผู้เป็นเจ้า

                2. อับราฮัม  ให้อิสอัคแบกฟืน   และตัวเองก็ถือหม้อใส่ไฟกับมีดเล่มหนึ่ง  ขณะเดินทางไปนั้น  อิสอัค  ถามบิดาว่า  “คุณพ่อครับ  เรามีฟืนไฟพร้อมแล้วแต่เครื่องบูชาไม่เห็นมี  อับราฮัม  ตอบว่า  “พระเจ้าจะทรงจัดให้เราซิลูก”

                3. เมื่อถึงยอดเขาโมริยาห์แล้ว  อับราฮัม   ก็ลงมือจะฆ่าบุตรเพื่อบูชายัญถวายพระผู้เป็นเจ้าตามรับสั่งของพระองค์   ทันใดนั้น  มีเทวดามาห้ามและบอกว่า  ช้าก่อน อับราฮัม  อย่าเพิ่งทำร้ายบุตรเลย พระผู้เป็นเจ้าทรงพอพระทัยแล้ว   โดยทรงเห็นว่าท่านรักและเชื่อฟังพระองค์ยิ่งกว่าสิ่งใด  ยิ่งกว่าลูกของตนด้วย   ก็พอดี อับราฮัมพบแกะตัวหนึ่งอยู่ใกล้ ๆ  กำลังติดอยู่ในพุ่มไม้   จึงรับมาฆ่าและเผาเป็นยัญบูชาแทนอิสอัคผู้บุตร

                4. อับราฮัมเป็นคนมีความเชื่อมั่นคงในพระผู้เป็นเจ้า  จึงเป็นที่พอพระทัยของพระองค์  ส่วนอิสอัคผู้ต้องแบกฟืนไปสำหรับพิธีที่ตนเองจะถูกฆ่าเป็นเครื่องบูชานั้น  เป็นเครื่องหมายให้ระลึกถึงพระเยซูเจ้าทรงแบกไม้กางเขนขึ้นภูเขากัลป์วารีโค เพื่อถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชาแด่พระบิดา   ในการทรงไถ่บาปของมนุษยชาติ

 

                                                                                                                              p2  อ่านหน้าต่อไป......คลิกที่นี่