ยาโคบและเอซาว

                1. อิสอัคได้แต่งงานกับนางเรเบคคา   และมีบุตรชายสองคน คนพี่ชื่อ  เอซาว  และคนน้องชื่อ  ยาโคบ

                คนพี่เป็นผู้ต้องรับพรพิเศษจากบิด  วันหนึ่ง  เอซาวไปล่าสัตว์ในป่าทั้งวัน  แต่ไม่ได้อะไรเลย   เมื่อกลับบ้านรู้สึกหิวเต็มทนแลเห็นยาโคบกำลังกินถั่วอยู่   จึงขอแลกตำแหน่งบุตรหัวปีให้กับน้องเพื่อกินถั่วจานหนึ่ง

                2. เมื่ออิสอัคชรามากแล้วและตาบอด   รู้สึกตัวว่า  ใกล้จะตายจึงเรียกเอซาวมาเพื่อประทานพรพิเศษและสิทธิที่เป็นพี่  แต่ว่ายาโคปผู้น้องแย่งพรไปก่อนตามที่เอซาวเคยแลกถั่วหนึ่งจานนั้นอิสอัคได้บอกเอซาวว่า   “ลูกเอ๋ย  พ่อแก่แล้ว  และจะตายเมื่อไรก็ได้ พ่อต้องการอวยพรลูกก่อนจะตาย”  จงไปล่าสัตว์ในป่าและเตรียมกับข้าวด้วยเนื้อสัตว์นั้นดังที่ลูกว่าพ่อชอบ  เมื่อพ่อรับประทานแล้วจึงจะอวยพรให้ลูก

                3. ส่วนนางเรเบคคาผู้มารดา  รักยาโคบมาก   นางได้แอบฟังทราบความโดยตลอด   จึงเรียกยาโคบมาสั่งว่า  ลูกเอ๋ยบิดจะอวยพรพี่แล้ว   ลูกจงรีบไปฆ่าลูกแกะมาให้แม่  แม่จะปรุงอาหารอย่างที่บิดาชอบ   และลูกจงนำเอาไปให้บิดารับประทาน  แล้วขอพรจากบิดา

                ส่วนยาโคปบ่นว่า คุณแม่  ผมมีเสียงไม่เหมือนของพี่   พี่มีขนเต็มตัว  ส่วนผมไม่มีขน   เดี๋ยวบิดาจะขอลำดูและจับโกหกได้ ผมจะถูกบิดาสาปแช่ง  แทนที่จะรับพร

                มารดาบอกว่า  “ลูกเอ๋ย  เชื่อแม่เถิด  คำสาปแช่งนั้นให้ตกอยู่กับแม่ ลูกจงรีบทำตามที่แม่บอกเถิด”

                4. เมื่อปรุงอาหารเสร็จแล้ว  แม่เอาหนังแกะมาพันมือและคอของลูก  แล้วลูกได้นำอาหารเข้าไปให้บิดารับประทาน

                “คุณพ่อครับ   เชิญรับประทานอาหารเถิด  ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว”

                “ลูกเอ๋ย   เจ้าเป็นใคร

                “ผมนี้คือ  เอซาว บุตรหัวปีของคุณพ่อ   ผมไปหาเนื้อกลับมาตามคำสั่ง  เชิญคุณพ่อรับประทานเถิด”

                “ลูกเอ๋ย  จงเข้ามาใกล้ ๆ  ให้พ่อดูว่าเจ้าเป็นใคร”

อิสอัค คลำดูที่คอและที่มือของลูก แล้วพูดว่า “เสียงก็เป็นของยาโคบ, แต่มือเป็นของเอซาว”

            เมื่อบิดารับประทานแล้วจึงอวยพรให้แก่ลูก ให้เจริญก้าวหน้ายิ่งกว่าใครๆ ให้พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานความอุดมสมบูรณ์เหนือน้องและคนทั้งหลาย

            เมื่อเอซาวกลับจากล่าสัตว์ และมาทราบดังนั้น ก็โกรธมากแทบจะเป็นบ้า จนยาโคบต้องหนีไปเสีย เพราะกลัวเอซาวจะทำร้ายเอา

            5.ณ คืนวันหนึ่ง ขณะที่ยาโคบกำลังหนีไปไกลแล้ว เวลานอนหลับอยู่กลางแจ้ง ยาโคบได้ฝันเห็นบันไดใหญ่ทอดจากแผ่นดินขึ้นเทียบท้องฟ้า และมีเทวดาเดินขึ้นลงอยู่เสมอมิได้ขาดและได้ยินพระสุรเสียงของพระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “อาศัยเจ้าและลูกหลานของเจ้า, นานาประเทศในโลกจะได้รับพระพร” ที่ยาโคบฝันเห็นดังนั้นหมายความว่าพระมหาไถ่จะได้ทรงบังเกิดมาในตระกูลของยาโคบ และพระองค์จะได้เปิดประตูสวรรค์ให้บรรดาคนทั้งหลายได้เอาตัวรอดขึ้นสวรรค์ได้.

 

โยเซฟถูกพวกพี่ชายเกลียดและถูกขาย

1.ยาโคบมีบุตรชาย 12 คน ทั้ง 12 คน ได้เป็นต้นตระกูลของชาติอิสราเอลสิบสองตระกูล, ยาโคบ รักโยเซฟมากกว่าคนอื่น เป็นเหตุให้พวกพี่อิจฉา คราวหนึ่งพวกพี่ทำผิดอย่างหนัก และโยเซฟได้นำไปเล่าให้บิดาฟัง, พวกพี่ชายของโยเซฟ จึงพากันเกลียดโยเซฟหนักขึ้น

2.คราวหนึ่ง โยเซฟเล่าเรื่องที่ตนฝันให้พวกพี่ชายฟังว่า : “น้องฝันเห็นพวกเรากำลังมัดฟ่อนข้าวอยู่ด้วยกัน ฟ่อนข้าวของน้องตั้งตัวตรงขึ้น ส่วนฟ่อนข้าวของพี่ๆ น้อมคำนับฟ่อนข้าวของน้อง” พวกพี่ได้ยินเช่นนั้นก็โกรธและตวาดโยเซฟว่า “เองจะเกิดมาเป็นจ้าวนายข้าหรือ?” แล้วก็ยิ่งเกลียดน้องหนักขึ้น

3.อีกครั้งหนึ่ง โยเซฟได้ฝันว่าดวงอาทิตย์และดวงจันทร์พร้อมกับดวงดาวสิบสองดวง แวดล้อมให้เกียรติยศแก่ตน คราวนี้แม้แต่บิดาต้องประท้วงขึ้นว่า “ลูกเอ๋ย เจ้าอย่าคิดใฝ่สูงเกินไป อย่าไปคิดว่าทั้งพ่อแม่และพี่น้องจะมาไหว้เจ้า เจ้าจะเลิกพูดเรื่องชนิดนี้เสียเถิด”

4.วันหนึ่ง ยาโคบส่งโยเซฟไปหาพวกพี่ชาย 10 คน ซึ่งเฝ้าฝูงสัตว์อยู่ไกล ฝ่ายพวกพี่ เห็นน้องมาแต่ไกลจึงคบคิดกันว่า “พวกเราจับมันฆ่าเสียเถิด จะได้ดูว่าที่มันฝันบ้าๆ นั้นจะสำเร็จได้อย่างไร” จึงตกลงกันที่จะจับโยเซฟผลักลงไปในบ่อน้ำแห้งบ่อหนึ่งและปล่อยให้อดตาย แต่ครั้นแล้ว กลับเอาขึ้นมาขายเป็นทาสให้แก่พ่อค้าชาวอียิปต์ซึ่ง ผ่านมาทางนั้นเป็นราคา 20 เหรียญ

5.พ่อค้าเหล่านั้น พาโยเซฟไปประเทศอียิปต์ ฝ่ายพี่ๆของโยเซฟ ก็เอาเสื้อของโยเซฟไปชุบเลือดสัตว์แล้วไปส่งให้บิดาดู, บิดาเข้าใจว่าบุตรที่รักถูกสัตว์ร้ายกัดตายก็เป็นทุกข์อาลัยถึงเป็นอันมาก. ส่วนโยเซฟซึ่งถูกขายนั้น เป็นที่หมายถึงพระเยซูเจ้าผู้ถูกยูด๊าส ขายให้แก่ศัตรูของพระองค์

โยเซฟถูกจับใส่คุก

1.  เมื่อถึงประเทศอียิปต์ โยเซฟก็ขายต่อไปให้ข้าราชการผู้ใหญ่  ชื่อ  โปทิฟาร์  นานเข้า  โปทิฟาร์เห็นโยเซฟเป็นคนมีไหวพริบดี  และประพฤติเรียบร้อยดี  จึงรักใคร่และตั้งให้เป็นหัวหน้าคนใช้

                2. วันหนึ่ง  ภรรยาของโปทิฟาร์ชวนโยเซฟให้ทำผิดต่อพระบัญญัติ   โยเซฟจึงว่า  “ผมไม่กล้าทำบาปขอรับ  เพราะพระผู้เป็นเจ้าทรงแลเห็นผมเสมอ” ฝ่ายภรรยาของโปทิฟาร์โกรธมาก  จึงใส่ความโยเซฟให้สามีฟังว่า  โยเซฟกระทำการมิดีมิชอบอย่างน่าบัดสี

                3. ฝ่ายโปทิฟาร์ก็เชื่อภรรยา  จึงส่งโยเซฟไปจำจองไว้ในคุกหลวง แต่โยเซฟกลับเป็นที่ถูกใจของผู้คุม  ผู้คุมจึงปล่อยให้ไปมาภายในคุกได้ตามสบาย

            4. วันหนึ่ง  โยเซฟ  เห็นข้าราชการสองคนซึ่งต้องโทษกำลังนั่งเศร้าโศก  จึงเข้าไปถามเรื่องราว  ข้าราชการผู้หนึ่ง เล่าว่า “ฉันสองคน  คืนนี้ได้ฝันแปลกมาก  แต่ไม่มีใครสามารถแก้ฝันให้ได้” โยเซฟตอบว่า “มีก็แต่พระเจ้าเท่านั้นผู้ทรงรู้เห็นล่วงหน้า” แต่ครั้นข้าราชการทั้งสองได้เล่าเรื่องความฝันให้ฟังแล้ว  โยเซฟก็ทำนายให้คนหนึ่งฟังว่า “อีกสามวัน พระราชาจะทรงมีรับสั่งให้ปล่อยตัวท่านออกจากคุกและจะทรงพระกรุณาให้ท่านกลับเข้าทำราชการตามเดิม” ส่วนอกคนหนึ่งนั้น โยเซฟทำนายว่า “อีกสามวันพระราชาจะทรงมีรับสั่งให้ตัดศีรษะท่าน” ต่อมาอีกสามวันเรื่องก็เป็นจริงดังที่โยเซฟได้ทำนายทุกประการ

โยเซฟได้รับเกียรติยศสูง

1.      ต่อมาอีก 2 ปี  พระเจ้าฟาโรห์  แห่งประเทศอียิปต์ทรงฝันว่าขณะที่พระองค์เองประทับอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไนล์   ได้เห็นมีวัวผอมอยู่ 7 ตัว ออกกินวัวที่อ้วนพี 7 ตัว ซึ่งอยู่  ณ ที่นั้น จนหมดกับทรงเห็นรวงข้างลีบ 7 รวง  กินข้าวรวงงามๆ 7 รวงจนหมด

2.      พระเจ้าฟาโรห์  ทรงเรียกโหรหลวงมาให้ทำนายฝัน  แต่ไม่มีใครทำนายได้เลยสักคนเดียว  ข้าราชการที่เคยร่วมคุกเดียวกันกับโยเซฟ  และโยเซฟเคยแก้ฝันให้นั้น จึงนึกถึงโยเซฟได้  และทูลพระราชาฟาโรห์ให้ทรงทราบ  พระองค์จึงรับสั่งให้นำตัวโยเซฟเข้าเฝ้า

3.      โยเซฟ ได้ทำนายฝันถวายพระเจ้าฟาโรห์ว่า   วัวอ้วนพี  7 ตัว กับรวงข้าวงาม 7 รวงนั้น หมายความว่าจะทำนาได้ข้าวบริบูรณ์ตลอด 7 ปีติดๆ กัน และวัวผอม 7 ตัวกับรวงข้าวลีบ 7 รวงหมายความว่า  ถัด 7 ปีที่ข้าวปลาอุดมสมบูรณ์นั้น จะมีเวลาอาหารขัดสนกันดาร 7 ปี ติดๆ กัน แล้วโยเซฟทูลแนะนำให้พระเจ้าฟาโรห์ทรงเลือกข้าราชการผู้มีปรีชาสามารถสักคนหนึ่ง  สำหรับจัดการเก็บข้าวที่เหลือเพื่อตลอดเวลา 7 แรก  ไว้ให้พอสำหรับกินตลอดเวลาอีก 7 ปีที่กันดารขัดสรต่อมา

4.      พระราชา  ตรัสว่า “ เราไม่เห็นมีใครจะสามารถจัดการได้ดียิ่งกว่าเจ้าเอง” จึงทรงแต่งตั้งโยเซฟขึ้นเป็นหมาอุปราชของประเทศอียิปต์  แล้วให้โยเซฟขึ้นราชรถเลียบเมือง ให้ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินทั้งหลายชมบารมีและเคารพยำเกรงโยเซฟ

ตลอดเวลา 7 ปีแรก โยเซฟก็ได้สะสมข้าวไว้ในยุ้งหลวงได้เป็นอันมาก  และครั้นเวลา อัตคัดขัดสนจริงๆ จึงมีข้าวพอจำหน่ายให้คนทั้งหลายประทังความหิวได้ทั่วถึงกัน

                                                                                                                                                                                  p3  อ่านหน้าต่อไป....คลิกที่นี่